คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

4 กุญแจที่สำคัญที่ช่วยในการเพิ่มเงินทุนให้บริษัท






ผู้ประกอบการทุกคนจะรับรู้ตรงกันว่าเงินทุนกับการดำเนินธุรกิจสำคัญต่อกันมากเพียงไร แน่นอนว่าหากเกิดสถานการณ์คับขัน ผู้ประกอบการก็มิอาจแสวงหาความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นได้เสมอไป ทั้งนี้คุณคิม คิโยสากิ (Kim Kiyosaki) นักธุรกิจหญิงชาวญี่ปุ่นผู้ประสบความสำเร็จมากได้ให้คำแนะนำเรื่องการเพิ่มเงินทุนให้กับบริษัทด้วยตนเอง แต่ก่อนจะไปถึงขั้นตอนเหล่านั้น ผู้ประกอบการต้องตอบโจทย์และดำเนินการในสองสิ่งต่อไปนี้เสียก่อน
สำรวจความต้องการของลูกค้าหรือนักลงทุน
ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องตอบคำถามบรรดาลูกค้าและนักลงทุนให้ได้ว่า หากพวกเขาหยิบยืมเงินมาลงทุนแล้วจะได้อะไรเป็นการตอบแทน เพราะเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนต้องการจะรู้ผลตอบแทนจากการให้เงินไปลงทุน เทคนิคที่แนะนำคือให้ผู้ประกอบการกำหนดตัวเลขคร่าวๆ ให้ดูว่าจะได้รับเงินตอบแทนคืนมากี่บาทต่อเงินลงทุน 1 บาท หรือบอกเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ได้ เพราะลูกค้าและนักลงทุนต่างชื่นชอบตัวเลขมากกว่าการโฆษณาด้วยคำพูดเป็นไหนๆ
กล่อมเกลาด้วยการนำเสนองาน
หลังทราบความต้องการของลูกค้าหรือนักลงทุนก็มาถึงเรื่องการนำเสนองานและโครงการ ขอแนะนำผู้ประกอบการนำเสนองานให้ตรงประเด็นและกระชับมากที่สุดเพื่อไม่เป็นการบีบคั้นลูกค้าหรือนักลงทุนจนก่อให้เกิดความน่ารำคาญ ที่สำคัญขอให้เน้นผลตอบแทนที่พวกเขาจะได้รับตอบแทนจากการลงทุนในครั้งนี้ด้วย เมื่อทำครบตามที่กล่าวมาทั้ง 2 ขั้นตอนไปแล้ว ส่วนต่อมาก็คือปฏิบัติตาม 4 กุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มเงินทุนให้บริษัทตามที่คุณคิมได้แนะนำเอาไว้
1.โครงการ
โครงการของผู้ประกอบการต้องน่าสนใจ และที่สำคัญข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการต้องไม่มากเกินจนนักลงทุนไม่กล้ารับความเสี่ยง ทั้งนี้หัวใจหลักคือตัวโครงการต้องมีความน่าสนใจ เหมาะสมกับการทำธุรกิจ และที่สำคัญต้องได้เปรียบทางการตลาดด้วย การนำเสนอความแปลกใหม่และไม่ซ้ำซากกับธุรกิจที่มีอยู่แล้วในท้องตลาดน่าจะเป็นการแก้เกมที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินในการลงทุนมาสู่ผู้ประกอบการได้รวดเร็วขึ้น
2.พันธมิตรทางธุรกิจ
ถ้าต้องการเพิ่มเงินทุนให้กับบริษัทการมีพันธมิตรทางธุรกิจถือเป็นสิ่งจำเป็นที่อย่างหนึ่งของผู้ประกอบการ เพราะความรู้ความเชี่ยวชาญบวกประสบการณ์ของพวกเขาจะเป็นแม่เหล็กช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในใจของนักลงทุนได้โดยตรง ทั้งยังทำให้การตัดสินใจของนักลงทุนในการเข้ามาร่วมธุรกิจเกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางสังคมธุรกิจของพันธมิตรธุรกิจของผู้ประกอบการด้วยว่ามีความเป็นมืออาชีพมากขนาดไหน
3.จัดหาเงิน
ดังที่ได้กล่าวไปว่าสิ่งที่นักลงทุนต้องการเห็นมากที่สุดก็คือตัวเลขทางการเงินที่มีความเที่ยงตรงและเป็นไปได้จริง ไม่ใช่การคาดการณ์ตัวเลขคร่าวๆ โดยตัวเลขทางการเงินนี้ต้องบอกรายละเอียดทุกอย่างของการลงทุนพร้อมแสดงค่าตอบแทนที่จะได้รับ เช่น จำนวนเงินที่มีอยู่ ที่มาของเงิน เงินที่ต้องใช้ในโครงการ ใช้จ่ายอะไรบ้าง กู้ยืมมาเท่าไร อัตราดอกเบี้ยเท่าไร แบ่งจ่ายกี่งวด งวดละเท่าไร ผลตอบแทนเท่าไร ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องแจ้งให้นักลงทุนทราบทั้งหมด ซึ่งยิ่งผู้ประกอบการแจ้งตัวเลขที่มีความละเอียดมากเท่าไร ก็จะยิ่งได้รับเงินทุนเร็วขึ้นเท่านั้น
4.บริหารและจัดการ
นักลงทุนไม่ใช่คนประเภทที่ว่าจ่ายเงินเสร็จก็จบแล้วไปนั่งรอรับผลตอบแทนอยู่บ้าน พวกเขาจะคอยเข้ามากำกับดูแลการใช้เงินของผู้ประกอบการตลอดเวลาว่าเงินเหล่านั้นนำไปทำอะไรบ้าง มอบหมายให้ใครดูแลจัดการ ใครคือผู้บริหารโครงการ ชนิดที่ว่าต้องการรายละเอียดแบบวันต่อวันเลยทีเดียว ดังนั้นผู้ประกอบการต้องบริหารจัดการเงินทุนทางธุรกิจให้ดีที่สุดเพื่อผลประโยชน์ในการทำธุรกิจ และอาจช่วยให้ผู้ประกอบการได้เงินลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตด้วย
สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าการขอเพิ่มเงินทุนบริษัทจะประสบความสำเร็จหรือไม่ประกอบไปด้วยปัจจัยหลายประการ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจำนวนเงินตอบแทนที่ผู้ประกอบการสามารถให้คืแก่นักลงทุน ดังนั้นผู้ประกอบการต้องรู้และเข้าใจนักลงทุนว่าต้องการสิ่งใด แล้วจึงเขียนโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการของเหล่านักลงทุนให้ได้ หากทำได้ตามนี้แล้ว การเพิ่มเงินทุนให้กับธุรกิจก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น