คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

เล่นกับหุ้น IPO*


เล่นกับหุ้น IPO*

           ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องนอกจากหุ้นในตลาดจำนวนมากจะมีราคาปรับตัวขึ้นไปอย่างหวือหวาแล้ว และปริมาณการซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ยังมีหุ้นเข้าจดทะเบียนใหม่ที่เรียกว่าหุ้น IPO (Initial Public Offering) เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หุ้น IPO เหล่านั้น หลายๆ ตัว ในวันแรกหรือช่วงแรกๆ ที่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นมีราคาปรับขึ้นจากราคาขายหุ้นครั้งแรกสูงมากพร้อมๆ กับปริมาณการซื้อขายที่เป็นจำนวนมาก หุ้น IPO นั้น น่าสนใจหรือไม่มาลองพิจารณาดูกัน
           ข้อแรก มองในแง่แรงจูงใจของเจ้าของบริษัทที่นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สิ่งที่เจ้าของต้องการนั้น นอกจากการระดมเงินเพื่อขยายธุรกิจ และการที่ต้องการลดความเสี่ยงโดยการขายกิจการบางส่วนออกไป เพื่อเอาเงินไปใช้หรือลงทุนอย่างอื่นแล้ว ก็ยังต้องการเพิ่มความมั่งคั่งด้วย และการที่จะเพิ่มความมั่งคั่งได้ก็คือ ต้องการขายหุ้นให้ได้ราคาสูงสุดที่จะยอมซื้อได้ การที่จะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องทำให้บริษัทดูน่าสนใจและมีอนาคตสดใสมากที่สุด
วิธีการทำก็คือ ทำให้เห็นว่าบริษัทมีกำไรดีและจะเติบโตไปได้อีกมาก เพราะนั่นคือสิ่งที่นักลงทุนต้องการจากการซื้อหุ้น นักลงทุนยินดีที่จะจ่ายเงินสูงเพื่อซื้อผลประกอบการและการเจริญเติบโตของบริษัท
ประเด็นก็คือ การทำให้บริษัทมีกำไรดี เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากนักโดยเฉพาะถ้าจะทำเพียง 1-2 ปีก่อนเข้าตลาดหุ้น ระบบบัญชีโดยเฉพาะในเมืองไทยนั้นสามารถที่จะทำเรื่องนี้ได้ ส่วนในเรื่องของการเจริญเติบโตของกำไรของบริษัท ก็คิดว่าถ้าจะทำให้เกิดขึ้นหรือทำให้น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นภายในระยะ 1-2 ปี ก็น่าจะทำได้ง่ายไม่แพ้กันโดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นกำลังบูม ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าหุ้น IPO จะถูกกำหนดราคาขายที่สูงกว่าพื้นฐานที่แท้จริงในยามที่จองหุ้น และเมื่อหุ้นเข้าตลาดแล้ว ราคาก็อาจจะแพงขึ้นไปอีกทวีคูณเนื่องจากผลของการวางแผนให้บริษัทมีกำไรดีและมีอนาคตที่ดียิ่งขึ้น
           ข้อสอง ในกรณีที่ไม่ได้มีการดำเนินการมากมายจนผิดไปจากตัวตนที่แท้จริงของบริษัท สิ่งที่ยังกังวลเกี่ยวกับหุ้น IPO ก็คือ ผลประกอบการของบริษัทที่ผ่านมา จริงอยู่หลายๆ บริษัทนั้นเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมายาวนาน แต่ส่วนมากแล้ว ผลประกอบการที่ดีของบริษัทมักจะปรากฏสั้นมากและอย่างมากก็เพียง 2-3 ปีก่อนเข้าตลาดหุ้น ดังนั้นความสม่ำเสมอของผลประกอบการจึงไม่มีและทำให้ไม่แน่ใจว่าบริษัทมีความแข็งแกร่งจริงหรือไม่
           ข้อสาม หุ้นเข้าใหม่จำนวนมากมักเป็นหุ้นที่ผลิตและ/หรือขายสินค้าที่เป็นหรือมีคุณสมบัติแบบสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่หาความแน่นอนของผลประกอบการยากแต่มักมีช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่วงจรธุรกิจกำลังเป็นขาขึ้น ดังนั้นหุ้นเหล่านี้จึงมักฉวยโอกาสเข้าจดทะเบียนขายหุ้นในยามที่ตลาดเอื้ออำนวย ซึ่งจะทำให้สามารถขายหุ้นได้ราคาและราคาหุ้นสูงขึ้นไปอีกอย่างน้อยในระยะหนึ่งหลังการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
           ข้อสี่ หุ้น IPO ส่วนใหญ่นั้นมีขนาดค่อนข้างเล็กและจำนวนหุ้นที่เริ่มเข้ามาซื้อขายหมุนเวียนในตลาดในวันแรกก็มีน้อยมาก บางบริษัทอาจจะมีเพียง 200-300 ล้านบาท หรือในกรณีของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI นั้นอาจจะมีเพียง 100-200 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับพอร์ตหรือเม็ดเงินลงทุนของนักเล่นหุ้นโดยเฉพาะที่เป็นรายใหญ่ในตลาดหุ้นที่ว่ากันว่ามีพอร์ตเป็นพันๆ ล้านบาทนั้น ก็ถือว่าหุ้น IPO นั้นสามารถที่จะถูก ปั่นได้อย่างไม่มีข้อจำกัด นั่นก็คือ ถ้ามีรายใหญ่ดังกล่าวแม้เพียงรายเดียวต้องการ ก็อาจจะสามารถซื้อหุ้นทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด ซึ่งจะทำให้สามารถกำหนดราคาหุ้นได้ว่าจะให้หุ้นมีราคาซื้อขายในวันที่เข้าตลาดที่ราคากี่บาทต่อหุ้น ดังนั้นพื้นฐานของบริษัทจึงแทบจะไม่มีความหมายหรือความสัมพันธ์กับราคาหุ้น
           จากประเด็นต่างๆ ที่กล่าวข้างต้น สำหรับหุ้น IPO นั้น มักเป็นหุ้นที่จะหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะถ้าจะถือเพื่อเป็นการลงทุนระยะยาว ราคาขายหุ้นจอง ถ้าไม่ใช่หุ้นรัฐวิสาหกิจเชื่อว่าน้อยครั้งที่จะถูกกว่าพื้นฐานตามที่ที่ปรึกษาและผู้รับประกันการจำหน่ายหุ้นอ้าง อย่างไรก็ตามหุ้น IPO บางตัวก็อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น การที่จะดูว่า IPO ตัวไหนอาจจะเป็นข้อยกเว้นนั้น คงต้องดูในแต่ละประเด็น นั่นคือ เป็นหุ้นที่ซื้อแล้วมีโอกาสขาดทุน เพราะเป็นหุ้นที่มีการดำเนินการเพื่อมาขายโดยเฉพาะ ซึ่งก็ควรจะหลีกเลี่ยง ที่ยิ่งต้องระวังมากกว่านั้นก็คือ อย่าเข้าไปเล่นหลังจากที่ราคาหุ้นสูงขึ้นไปมากจากราคา IPO หลังจากที่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดแล้ว
           ทั้งหมดที่พูดนั้นก็คือเป็นกรณีโดยทั่วไป แต่ในยามที่ตลาดหุ้นเป็นกระทิงแล้วคิดว่ากำลังเล่นหุ้น IPO อยู่ และเชื่อว่าตลาดยังไปได้อีก การจองซื้อหุ้น IPO ก็อาจจะมีโอกาสทำกำไรได้ดี แต่คงไม่เข้าไปซื้อในวันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายแน่นอนและคงไม่ซื้อในราคาสูงกว่าราคาจอง ตรงกันข้ามก็มีโอกาสที่จะขายค่อนข้างเร็ว บางทีอาจจะเป็นวันแรกที่หุ้นเข้าตลาด แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรสิ่งที่คำนึงถึงเสมอก็คือการซื้อหุ้น IPO เป็นเรื่องของการ เก็งกำไรอย่างแน่นอน

_______________________* โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น