คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

วิกฤตหนี้ยุโรปกับผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย*

วิกฤตหนี้ยุโรปกับผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทย*




          สำหรับกรณีของประเทศกรีซนั้นเป็นที่แน่นอนแล้วว่ากรีซไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมได้สำเร็จหลังการเลือกตั้ง ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนวิตกและกังวลคือมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลที่จะได้รับการเลือกจะยังคงเป็นพรรคการเมืองเดิมที่ชูนโยบายต่อต้านการรัดเข็มขัด และไม่ต้องการปฏิบัติตามเงื่อนไขตามสัญญาการกู้ยืมเงินด้วยการยกเลิกสัญญาในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่ทำไว้กับ EU และ IMF ดังนั้นปัญหาวิกฤตการทางการเงินของกรีซ อาจหาข้อสรุปไม่ได้จนกลายเป็นปัญหาการเมืองและสังคมในที่สุด และถ้าหากกรีซไม่สามารถทำตามข้อตกลงเรื่องการควบคุมงบประมาณเพื่อแลกกับการรับเงินช่วยเหลือจากข้อตกลงที่ทำกับ EU เพิ่มเติม ก็อาจทำให้กรีซต้องออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซนในที่สุด
          ภาพประชาชนยืนเข้าแถวรอถอนเงินจากหน้าธนาคารยาวเหยียดทั้งในกรีซ อิตาลี สเปน สร้างความตื่นตระหนก และตอกย้ำความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มอียู จนส่งผลกระทบต่อภาคการเงินการธนาคารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาวิกฤตทางการเงินที่ลุกลามในยุโรปกลายเป็นปัญหาต่อความน่าเชื่อถือของสกุลเงินยูโร ซึ่งไม่ได้มีแค่ประเทศกรีซที่ประสบกับปัญหาความน่าเชื่อถือ แต่ประเทศสเปนก็ถูกมูดี้ส์ อินเวสเตอร์เซอร์วิส ปรับลดความน่าเชื่อถือธนาคารสเปนจากปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL จากการปล่อยสินเชื่อในอสังหาริมทรัพย์ของภาคธนาคาร จนรัฐบาลต้องเข้ามาถือหุ้นธนาคารแบงเกียซึ่งถือว่าเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 4 ของประเทศสเปน อีกทั้งอัตราผลตอบแทนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสเปนอายุ 10 ปี เมื่อวันที่ 16 พ.ค. มีต้นทุนสูงขึ้นถึง 6.46% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก ในขณะที่สเปนก็ยังต้องระดมทุนด้วยการประมูลพันธบัตรรอบใหม่อีก
          ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบในแง่ของจิตวิทยาบ้าง แต่เนื่องจากภาพรวมในตลาดของประเทศไทยยังมีแนวโน้มค่อนข้างดี ประกอบกับบทเรียนจากวิกฤตต้มยำกุ้งที่ผ่านมา ทำให้ภาครัฐมีกฎระเบียบที่เข้มงวดต่อการทำธุรกรรมของสถาบันและนักลงทุน โดยเฉพาะธุรกรรมที่ซับซ้อนและยากต่อการประเมินความเสี่ยง ทำให้ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับผลกระทบไม่มากนัก และจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนต่างชาติลดการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่อยู่ในประเทศต่างๆ อย่างในประเทศแถบเอเชียไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น หรือตลาดตราสารหนี้ แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดตราสารหนี้ไทยนั้น ถึงแม้ว่าจะมีเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศขายตราสารหนี้ออกมาบ้างในช่วงนี้ แต่หากดูตัวเลขสถานะการซื้อขายสุทธิที่ผ่านมาก็พบว่านักลงทุนต่างประเทศยังคงมีสถานะซื้อสุทธิกว่า 4,000 ล้านบาท ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่ผ่านมาตราสารอายุ 3-10 ปี ของไทยยังคงปรับตัวลดลงประมาณ 6 ถึง 10 bpเช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุโดยเฉพาะในตราสารอายุ 10 ปีที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเกือบ 20 bp ทั้งนี้ทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในประเทศไทยจะเป็นเช่นไรนั้น ยังคงเป็นประเด็นที่น่าจับตาต่อไป แต่ความกังวลที่ว่านักลงทุนต่างประเทศจะเทขาย และทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ประเทศไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปมากนั้น จากตัวเลขและสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในปัจจุบันยังไม่พบว่าตลาดตราสารหนี้ประเทศไทยได้รับกระทบในลักษณะดังกล่าว
* โดยพอพิศ ยอดแสง ฝ่ายวิจัยและพัฒนาตลาด สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หนังสือพิมพ์ผู้จัดการวันที่ 23 พ.ค. 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น