คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ






การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้มีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นทั้งในรูปของผลตอบแทนและการกระจายความเสี่ยงอย่างไรก็ตามการลงทุนในต่างประเทศย่อมต้องอาศัยข้อมูลและการเตรียมความพร้อมมากขึ้นจากความเสี่ยงที่มากขึ้นทั้งในรูปของอัตราแลกเปลี่ยน สภาพของประเทศและตราสารที่ลงทุน จากลักษณะดังกล่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงเปิดให้มีการไปลงทุนในต่างประเทศในลักษณะเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากนักลงทุนที่มีความพร้อมที่สุด โดยในปี 2543 ได้ผ่อนคลายให้ นักลงทุนสถาบันในประเทศสามารถซื้อหลักทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศจากธนาคารพาณิชย์ สำหรับนักลงทุนทั่วไปสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านกองทุน FIF (Foreign Investment Fund) ได้ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา ต่อมาในปี 2551 ได้ผ่อนคลายให้บุคคลทั่วไปสามารถลงทุนในรูปของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) หรือลงทุนผ่านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokers) และล่าสุดในปีที่ผ่านมาได้อนุญาตให้นิติบุคคลที่มีขนาดสินทรัพย์ตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไปสามารถลงทุนในต่างประเทศได้โดยตรง นอกจากนี้ได้มีการประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ วงเงิน ประเภทผู้ลงทุนและประเภทหลักทรัพย์ที่สามารถลงทุนในต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
blankจากการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนในต่างประเทศดังกล่าวพบว่ากองทุน FIF ได้เร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ธปท. ได้ขยายวงเงินให้ ก.ล.ต. เพื่อจัดสรรให้แก่นักลงทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลซึ่งรวมถึงกองทุน FIF เป็นจำนวนถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ โดยกองทุนที่นิยม และเป็นที่คุ้นเคยคงหนีไม่พ้นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลี หรือที่เรียกกันว่า “กองทุนกิมจิ” นั่นเอง ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ ท่านเคยลงทุนหรือปัจจุบันก็ยังคงลงทุนผ่านกองทุนกิมจิอยู่ ซึ่งจากข้อมูล ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 พบว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรที่ส่วนใหญ่ออกโดยภาครัฐของสาธารณรัฐเกาหลีใต้มีขนาดประมาณร้อยละ 80 ของกองทุนรวมทั้งสิ้นที่ส่งเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลจากได้รับอัตราผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในประเทศ
blankประเทศอื่นๆ นิยมลงทุนในพันธบัตรเกาหลีเหมือนประเทศไทยหรือไม่?        จากข้อมูลที่เผยแพร่โดย Financial Supervisory Service (FSS) สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ณ 30 พฤศจิกายน 2552 พบว่าประเทศไทยมีสัดส่วนยอดคงค้างการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้สูงถึงร้อยละ30 ของยอดคงค้างการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีจากประเทศอื่นๆ ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวมีขนาดใกล้เคียงกับกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปเลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศค่อนข้างต่ำ ผู้ฝากเงินจึงนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อหาอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า
blankการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงหรือไม่?
        ขึ้นชื่อว่าการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยงได้เหมือนกันทั้งหมด แต่ความเสี่ยงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทตราสาร ประเทศที่ลงทุน และบางครั้งก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนได้ ดังนั้นหลักการสำคัญของการลงทุนคือ เรื่องการกระจายความเสี่ยง (Diversification) เพราะหากมีการลงทุนในลักษณะกระจุกตัว (Concentration) มากเกินไป และเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น อาจทำให้ขาดสภาพคล่องจากเงินที่ลงทุนทั้งจำนวนได้
blankเพื่อให้การลงทุนในต่างประเทศเป็นการสร้างโอกาสและทางเลือกให้กับนักลงทุนไทยในการแสวงหาอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ รวมทั้งเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้กับนักลงทุนให้สามารถบริหารและจัดสรรเงินทุนที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ การมีระบบบริหารความเสี่ยงที่ดีจึงจำเป็นต่อ นักลงทุน ซึ่งในเรื่องนี้ประเด็นที่ควรพิจารณาก็คือการกระจายการลงทุนทั้งในรูปชนิดตราสาร ประเทศที่จะไปลงทุน ช่องทางการลงทุน และระยะเวลาในการลงทุนที่แตกต่างกันอย่างเหมาะสม ทำให้นักลงทุนควรต้องมีความรู้ความเข้าใจในประเด็นความเสี่ยงของประเทศที่จะเข้าไปลงทุน (Country Risk) การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินต่างประเทศ (Currency Risk) การกระจายสินทรัพย์ (Asset Allocation) ที่ลงทุน เพื่อให้มีความหลากหลายและเหมาะสม รวมทั้งติดตามสถานการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้มุมมองในการกระจายความเสี่ยงสามารถนำมาใช้พิจารณาได้ทั้งการลงทุนในพอร์ตของตนเอง องค์กร หรือภาพรวมระดับประเทศได้อีกด้วย

__________________________________________
* โดย ทวีวรรณ ปิ่นโต ผู้วิเคราะห์อาวุโส ฝ่ายกำกับการแลกเปลี่ยนเงินและสินเชื่อ ธนาคารแห่งประเทศไทย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น